ระบบจองห้องพักที่ดีควรมีฟีเจอร์อะไรบ้าง? เช็กลิสต์ก่อนเลือกใช้
ในยุคที่ลูกค้าคาดหวังความสะดวกสบายในการจองห้องพักด้วยตนเอง ไม่ว่าจะผ่านมือถือหรือคอมพิวเตอร์ ระบบจองห้องพักออนไลน์ หรือที่เรียกว่า Hotel Booking Engine จึงกลายเป็นหัวใจหลักของเว็บไซต์โรงแรมยุคใหม่ เพราะไม่ได้ช่วยแค่ให้ลูกค้าเลือกห้อง พักวันไหน และชำระเงินได้สะดวกเท่านั้น แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อยอดจอง รายได้ และประสบการณ์ของลูกค้า ซึ่งจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ในระยะยาว
แต่ระบบจองที่ดี ควรมีฟีเจอร์อะไรบ้าง?
บทความนี้จะพาคุณไปดู เช็กลิสต์ฟีเจอร์สำคัญ ที่ระบบจองห้องพักยุคใหม่ควรมี ก่อนที่คุณจะตัดสินใจเลือกใช้ระบบใดระบบหนึ่ง
เลือกอ่านตามหัวข้อ
1.
รองรับการจองแบบ Real-Time
2.
เชื่อมต่อกับเว็บไซต์โรงแรมแบบไร้รอยต่อ (Seamless Integration)
3.
รองรับหลายภาษาและหลายสกุลเงิน
4.
ระบบชำระเงินออนไลน์ (Online Payment)
5.
ฟีเจอร์การตั้งโปรโมชั่นและโค้ดส่วนลด
6.
ระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติ (Auto Confirmation & Notification)
7.
รองรับการเชื่อมต่อกับ Google Hotel Ads / Facebook Ads
1. รองรับการจองแบบ Real-Time

ระบบจองห้องพักที่ดีควรเริ่มต้นจากการรองรับการจองแบบเรียลไทม์ กล่าวคือ ลูกค้าควรสามารถเห็นจำนวนห้องว่างและราคาที่อัปเดตล่าสุดได้ตลอดเวลา ช่วยลดปัญหาการจองซ้อน หรือข้อมูลไม่ตรงกับความเป็นจริง ระบบที่เชื่อมต่อกับ Channel Manager ได้จะยิ่งเพิ่มความแม่นยำ และลดภาระงานของพนักงานหน้าฟรอนต์ลงอย่างมีนัยสำคัญ
2. เชื่อมต่อกับเว็บไซต์โรงแรมแบบไร้รอยต่อ (Seamless Integration)

อีกหนึ่งจุดที่สำคัญไม่แพ้กันคือการเชื่อมต่อกับเว็บไซต์โรงแรมอย่างไร้รอยต่อ ระบบจองควรถูกฝังไว้ภายในเว็บไซต์ของโรงแรมโดยตรง โดยไม่พาลูกค้าออกไปยังเว็บไซต์ภายนอก เพราะการเปลี่ยนหน้าเว็บไซต์จะลดความมั่นใจของผู้ใช้งาน การจองอาจสะดุดหรือลดอัตราการแปลง (Conversion Rate) ได้ นอกจากนี้ยังต้องรองรับการแสดงผลแบบ Mobile-Friendly และ Responsive Design เพื่อให้ลูกค้าสามารถจองผ่านมือถือหรือแท็บเล็ตได้อย่างราบรื่น
3. รองรับหลายภาษาและหลายสกุลเงิน

หากโรงแรมของคุณรองรับลูกค้าต่างชาติ การมีระบบจองที่รองรับหลายภาษาและหลายสกุลเงินถือเป็นสิ่งจำเป็น ระบบจองควรสามารถสลับภาษาได้อย่างง่ายดาย พร้อมทั้งแสดงราคาห้องพักในสกุลเงินที่ลูกค้าคุ้นเคย เช่น THB, USD หรือ EUR เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และลดความลังเลก่อนกดจอง
4. ระบบชำระเงินออนไลน์ (Online Payment)

เรื่องความปลอดภัยในการชำระเงินก็เป็นอีกประเด็นสำคัญ ระบบจองควรเชื่อมต่อกับ Payment Gateway ที่น่าเชื่อถือ และมีมาตรฐานความปลอดภัยระดับ SSL เพื่อป้องกันข้อมูลของลูกค้า รองรับการชำระเงินผ่านหลากหลายช่องทาง เช่น บัตรเครดิต PromptPay QR Code Internet Banking รวมถึงช่องทางท้องถิ่นอย่าง TrueMoney เพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้าในแต่ละกลุ่ม
5. ฟีเจอร์การตั้งโปรโมชั่นและโค้ดส่วนลด

ฟีเจอร์ที่ช่วยเพิ่มยอดจองตรงอย่างการตั้งโปรโมชั่นและใส่โค้ดส่วนลดก็ไม่ควรละเลย ระบบที่ดีควรให้โรงแรมสามารถตั้งแคมเปญราคาพิเศษ หรือสร้างโค้ดส่งเสริมการขายได้ด้วยตัวเอง เช่น กำหนดโปรโมชั่น “จองวันนี้ ลดทันที 10%” เมื่อกรอกโค้ด STAY10 ซึ่งสามารถดึงลูกค้าจาก
โซเชียลมีเดียกลับมาจองผ่านเว็บไซต์โดยตรง แทนที่จะไปจองผ่าน OTAs
6. ระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติ (Auto Confirmation & Notification)

เมื่อลูกค้าทำการจอง ระบบควรส่งการแจ้งเตือนอัตโนมัติ เช่น อีเมลหรือ SMS ยืนยันการจอง พร้อมรายละเอียดต่าง ๆ เช่น วันที่เข้าพัก เวลา
เช็กอิน หมายเลขการจอง และข้อมูลติดต่อของโรงแรม ในขณะเดียวกัน ฝ่ายต้อนรับหรือแผนกสำรองห้องพักก็ควรได้รับการแจ้งเตือนแบบ
เรียลไทม์เช่นกัน เพื่อเตรียมความพร้อมล่วงหน้า และดูแลลูกค้าได้อย่างมืออาชีพ
7. รองรับการเชื่อมต่อกับ Google Hotel Ads / Facebook Ads

สุดท้าย ระบบจองควรรองรับการเชื่อมต่อกับเครื่องมือการตลาดดิจิทัล เช่น Google Hotel Ads หรือ Facebook Ads ได้โดยตรง เพื่อให้โรงแรมสามารถวัดผลแคมเปญโฆษณาได้อย่างแม่นยำ และดึงลูกค้ากลับมาจองตรงที่เว็บไซต์ของตนเอง ลดต้นทุนค่าคอมมิชชันจาก OTAs และเพิ่มโอกาสสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าโดยตรงในระยะยาว
เพราะฉะนั้น อย่าเลือกระบบแค่ “ดูดี” ต้องเลือกที่ “ใช้ได้จริง”
ระบบจองห้องพักที่ดี = ไม่ใช่แค่จองได้ แต่ต้อง จองง่าย รวดเร็ว ปลอดภัย และวัดผลได้ พร้อมช่วยสนับสนุนการตลาดของโรงแรม ระบบที่ดีควรเป็นมากกว่าแค่เครื่องมือรับการจอง แต่ต้องเป็นแรงขับเคลื่อนที่ช่วยเพิ่มยอดขายอย่างยั่งยืนให้กับธุรกิจของคุณ
หากคุณกำลังมองหาระบบจองห้องพักที่ตอบโจทย์ ทั้งฝั่งลูกค้าและทีมงานในโรงแรม สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คลิกที่นี่